อัพเดท! รัฐบาลเดินหน้าเปิดคาสิโน พร้อมดันพนันออนไลน์ ถูกกฏหมาย!
แม้มีเสียงท้วงจากคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่รัฐบาลไทยยืนยันเดินหน้าผลักดันกฎหมายเปิดเสรีคาสิโนและพนันออนไลน์ หวังกระตุ้นการท่องเที่ยวและสร้างรายได้มหาศาล เตรียมเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาเร็วๆ นี้
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เปิดเสรีการพนันและสถานบันเทิงครบวงจร (คาสิโน) แม้จะมีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าว นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าขณะนี้ร่างกฎหมายกำลังถูกส่งไปยังรัฐสภาเพื่อเริ่มกระบวนการพิจารณา คาดว่าการเปิดเสรีคาสิโนจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติและสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลหลายหมื่นล้านบาท ขณะเดียวกัน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็ประกาศว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อทำให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย
ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่จะต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้แสดงความกังวลว่าขอบเขตของมาตรการยังไม่ครอบคลุมมากพอ สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าร่างกฎหมายที่ส่งไปยังรัฐสภาสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงไว้เมื่อเดือนกันยายน 2567
นางสาวแพทองธาร แถลงข่าวเรื่องนี้ต่อสื่อมวลชน โดยมีรัฐมนตรีหลายคนร่วมแถลงด้วย
นางสาวแพทองธาร ย้ำว่านี่เป็นการพัฒนาครั้งใหม่ของประเทศไทย โดยเปรียบเทียบแผนการของรัฐบาลกับสิงคโปร์ ซึ่งประสบความสำเร็จในการพัฒนาคาสิโนและสถานบันเทิงครบวงจรในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา
คาสิโนแห่งแรกของสิงคโปร์เปิดให้บริการในช่วงตรุษจีนปี 2553 หลังจากที่รัฐบาลสิงคโปร์อนุญาตให้สัมปทานแก่ 2 บริษัท หนึ่งในนั้นคือกลุ่ม Genting Malaysia สองเดือนต่อมา Marina Bay Sands ก็เปิดให้บริการ
ความสำเร็จของคาสิโนในสิงคโปร์ทำให้รัฐบาลเดินหน้าสนับสนุนการขยายตัวของคาสิโนและสถานบันเทิงครบวงจรระยะที่สองในปี 2567
เช่นเดียวกับประเทศไทย สิงคโปร์เคยมีกฎหมายห้ามเล่นการพนันและห้ามเปิดคาสิโนมาก่อน รัฐบาลไทยหวังว่าจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับสิงคโปร์
แม้จะมีเสียงเตือนให้ระมัดระวัง แต่โดยรวมแล้วเสียงตอบรับในกรุงเทพฯ ต่อโครงการนี้เป็นไปในเชิงบวก บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี (KSS) คาดการณ์ว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน
KSS ประเมินว่าโครงการสถานบันเทิงครบวงจรในกรุงเทพฯ ซึ่งประกอบด้วยห้างสรรพสินค้า โรงแรมหรู และแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สวนสนุก จะมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 280,000 ล้านบาท
หลังจากระดมทุนแล้ว โครงการจะใช้เวลาพัฒนา 5-10 ปี แต่จะเริ่มสร้างงานได้ทันที โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมก่อสร้าง KSS คาดการณ์ว่าโครงการนี้จะสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลมากถึง 59,000 - 84,000 ล้านบาทต่อปี
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นหัวหอกในการผลักดันแผนนี้ คาดการณ์ว่าโครงการนี้จะสร้างงาน 9,000 - 15,000 ตำแหน่ง และสร้างรายได้ให้กับรัฐบาล 12,000 - 40,000 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ โครงการนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10-15% ต่อปี โดยเฉพาะในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC) มองว่าประเทศไทยต้องเดินตามรอยประเทศอื่นๆ เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และลาว ซึ่งบางประเทศมีรายได้จากอุตสาหกรรมคาสิโนมากกว่า 1 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นายธนวรรธน์ กังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางวัฒนธรรมของการพนันในประเทศไทย หากมีการเปิดคาสิโนในประเทศไทย ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี และควรมีการหารือและให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้เพิ่มเติม
ตัวอย่างเช่น ในแอฟริกาใต้ ผลลัพธ์ของการเปิดเสรีคาสิโนไม่ได้เป็นไปในเชิงบวกเสมอไป เนื่องจากวัฒนธรรมและความหลงใหลในการพนันของชาวแอฟริกาใต้จำนวนมากมองว่าการพนันเป็นแหล่งรายได้รอง ทำให้การเปิดเสรีการพนันส่งผลเสียหายต่อโครงสร้างทางสังคมของประเทศ
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า..
"ผมเชื่อว่านโยบายนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย สังคมยังต้องการการพูดคุยถกเถียงกันอีกมาก"
คณะกรรมการกฤษฎีกาและคณะรัฐมนตรีจะสรุปร่างกฎหมายขั้นสุดท้ายก่อนเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาต่อไป