เปิดตัว Las Vegas Sands ผู้หาญกล้าลงทุนกาสิโนเมืองไทย
กลุ่มลาสเวกัสแซนดส์ (Las Vegas Sands) เน้นลงทุนพัฒนารีสอร์ทครบวงจรที่เรียกว่า IR (Integrated Resort) มีเครือข่ายลงทุนทั่วโลก รูปแบบโครงการมิกซ์ยูสทั้งโรงแรม โรงละคร ห้องประชุม แหล่งช็อปปิ้ง พิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร ไนท์คลับ และกาสิโน เข้าลงทุนในสิงคโปร์เมื่อปี 2549 เริ่มก่อสร้างมารีน่า เบย์ แซนดส์เมื่อปี 2550 ลงทุน 5,600 ล้านเหรียญสหรัฐ พื้นที่รวม 581,400 ตร.ม. โดยพื้นที่กาสิโนมีสัดส่วนเพียง 3% แต่ทำรายได้หลักให้ถึง 70%
ได้รับใบอนุญาตทำกาสิโนจากรัฐบาลสิงคโปร์ 10 ปี (หมดอายุปี 2560) คาดว่าจะต้องต่ออายุเพราะสัญญาเช่าที่ดินยาว 60 ปี (อีกรายคือเซนโตซา) จุดเด่นคือรัฐบาลสิงคโปร์เก็บภาษีต่ำกว่ามาเก๊าที่คิด 39% เทียบกับสิงคโปร์คิด gambling tax อัตราลูกค้าวีไอพี 5% ประชาชนทั่วไป 15% โดยเก็บค่าเข้าสำหรับชาวสิงคโปร์หัวละ 100 เหรียญ/24 ชม. กับ 2,000 เหรียญสิงคโปร์/ปี มีกติกาไม่ต้อนรับชาวสิงคโปร์ที่รับเงินสงเคราะห์จากรัฐบาล เเละบุคคลล้มละลาย ปัจจุบันมีบุคคล 250,000 คนถูกขึ้นบัญชีดำ ห้ามเข้ากรณีจากกรณีต่างๆ เช่น ครอบครัวยื่นความจำนงไม่ให้สมาชิกในครอบครัวมาใช้บริการกาสิโน เป็นต้น
สถิติ เดือนเม.ย. 2553-ธ.ค.2557 นำรายได้ให้รัฐบาลสิงคโปร์แล้ว 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นค่าภาษีเเละค่าเข้ากาสิโนและรายได้จากสินค้าและบริการอีก 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 1.25% ของจีดีพีสิงคโปร์ ผู้เข้าพักส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น 20% จีน 3% อินโดนีเซีย 9% ออสเตรเลีย 7% เกาหลี 6% มาเลเซีย 5% สหรัฐอเมริกา 5% อินเดีย 3% ฮ่องกง 3% ชาติอื่น ๆ 29%(รวมไทย)
Krist ตอบคำถามกรณีผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มเข้าพบผู้นำรัฐบาลไทยเมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า..
"ในฐานะนักธุรกิจ เราก็ต้องเดินทางไปประเทศต่าง ๆ เพื่อพูดคุยกับนักธุรกิจด้วยกัน ไปเยี่ยมเยือนกลุ่มต่าง ๆ รวมถึงรัฐบาลอยู่เนือง ๆ อยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไรมากมาย และถ้าสมมุติว่าประเทศไทยพร้อมและกฎหมายเปิด ซึ่งตอนนี้ยังไม่เปิดให้มีได้ แต่ถ้าถามว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าสนใจไหม บอกเลยว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจประเทศหนึ่ง เพราะมีความพร้อมมาก ทั้งเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ความชื่นชอบ ผู้คนก็เป็นมิตร ดูแลนักท่องเที่ยวดี มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เเละมีแรงงานที่มีทักษะ"
คำถามต่อมาคือการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) สนใจลงทุน IR ประเทศใดบ้าง?
"ปัจจัยหลัก ๆ ที่จะตัดสินใจเข้าไปลงทุน ลำดับเเรกต้องดูกฎหมายของประเทศนั้นมีกฎหมายรัดกุมเข้มงวดแค่ไหน ลำดับที่สอง ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเพราะธุรกิจไมซ์ต้องตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน อยู่ในที่ ๆ สามารถรองรับคนหลายพันคนได้ และสาม สำคัญที่สุด คือการยอมรับจากคนในประเทศ พวกเขาต้องต้อนรับนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในธุรกิจประเภทนี้ด้วย
Krist ชี้แจงด้วยว่า..
การลงทุนจะให้เลือกทำแต่ไมซ์โดยตัดธุรกิจกาสิโนออกไปนั้น หากคิดแบบนักลงทุนที่ต้องตัดสินใจทุ่มเงิน 5-6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ต้องมองว่าการลงทุนมันต้องมีธุรกิจบางส่วนเข้ามาช่วย ซึ่งในส่วนของรายได้กาสิโนคิดเป็น 70% ของรายได้ทั้งหมด นำมาช่วยพยุงค่าใช้จ่ายในธุรกิจที่ไม่สามารถทำรายได้ตอบแทนได้มากนัก เช่น สถาปัตยกรรมของตึกที่สวยงามหรือพิพิธภัณฑ์ คนอาจจะเข้ามาชมเยอะก็จริงแต่ไม่ได้สร้างรายได้มากนัก จะเห็นได้ว่าคนที่ลงทุนด้านไมซ์ต้องมีรัฐบาลเข้ามาช่วยสนับสนุนเพราะมันไม่ได้สร้างผลกำไรมากนัก สรุปคือถ้าจะทำธุรกิจไมซ์อย่างเดียวมันก็เติบโตยาก ไม่คุ้มทุน
มองในแง่ความคุ้มค่าของการลงทุน มีนักธุรกิจคนไทยมาติดต่อร่วมทุนทำ IR ในเมืองไทยบ้างหรือยัง คำตอบคือ "I can′t answer that, sorry." กับคำถามที่ว่า ตอนนี้คนไทยทราบข่าวชัดเจนว่ากลุ่มเเซนดส์อยากจะลงทุนธุรกิจคาสิโนในประเทศไทย โดยเฉพาะที่ดินมักกะสัน คิดว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน "ถ้าไทยมีความพร้อมในด้านกฎหมาย ทางกลุ่มเเซนด์สก็พร้อมจะหาที่ตั้งที่เหมาะสม ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นที่ดินมักกะสัน เพราะตอนนี้ยังเร็วเกินไป"
คำถามไฮไลต์คือ ตามที่ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีของไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า
สื่อมวลชนถาม..กลุ่มแซนดส์ได้เข้ามาติดต่อเเต่เมื่อทราบว่ามีธุรกิจเกี่ยวกับคาสิโนด้วยจึงไล่กลับไป ทางกลุ่มเเซนดส์มีความคิดเห็นอย่างไรในกรณีนี้
ม.ร.ว. ปรีดิยาธร ตอบ .. ตอนนี้ยังไม่สามารถลงรายละเอียดในเรื่องนี้ได้ เเละคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหมือนเวลาเเขกมาพักที่โรงเเรมของเรา เราก็จะไม่ไปคอมเม้นต์เรื่องของแขก..."
Krist ฝากคำพูดมาว่า
ตราบใดที่เมืองไทยยังไม่มีกฎหมายมารองรับก็คงเร็วเกินไปที่เราจะเเสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ได้ ด้วยบริบทที่อาจจะพูดไปแล้วอาจไม่เหมาะสมกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็ได้ เเต่ถ้าในอนาคตกฎหมายไทยรองรับธุรกิจประเภทนี้ ทางเราก็จะเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เข้าไปศึกษาก่อน